MCRU Library catalog › Results of search for 'Provider:มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง,'

Your search returned 4 results from 34837 records.

	1.	by วรรณา เห็นสว่าง. Call number: 352.66 ว267ร Material type: Text; Format: print ; Literary form: Not fiction Publisher: ราชบุรี : มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง, 2553Dissertation note: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี วิธีดำเนินการวิจัย ประกอบด้วย ประชากร ได้แก่ ข้าราชการที่ปฏิบัติงานโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 492 คน กลุ่มตัวอย่าง คือ ข้าราชการที่ปฏิบัติงานโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 199 คน การสุ่มตัวอย่างใช้วิธีการสุ่มแบบง่ายโดยวิธีการจับสลาก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม แบ่งออกเป็น 2 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 ข้อมูลด้านปัจจัยส่วนบุคคลของข้าราชการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี ตอนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี สถิติที่ใช้คือ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน นำเสนอในรูปแบบตารางและความเรียง ผลการวิจัย พบว่า 1. ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 31-40 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี ได้รับอัตราเงินเดือนมากกว่า 25,000 บาท และมีอายุราชการมากกว่า 20 ปี 2. ระดับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการในโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 5 ด้าน ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมาก 4 ด้าน ได้แก่ ด้านลักษณะของงาน ด้านความสำเร็จของงาน ด้านการได้รับการยอมรับนับถือ และด้านความรับผิดชอบ และอยู่ในระดับปานกลาง 1 ด้าน ได้แก่ ด้านความก้าวหน้า ตามลำดับ Availability: No items available : Add to cart (remove)
	2.	พฤติกรรมการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารตามการรับรู้ของครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต2/ มณี พัดขำ by มณี พัดขำ. Call number: 372.12 ม124ฟ Material type: Text; Format: print ; Literary form: Not fiction Publisher: ราชบุรี : มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง, Dissertation note: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารตามการรับรู้ของครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 และเปรียบเทียบพฤติกรรมการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารตามการรับรู้ของครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตากเขต 2 จำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงานของครูในเขตรับผิดชอบของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครูผู้สอนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในอำเภออุ้มผาง อำเภอพบพระ อำเภอแม่สอด อำเภอแม่ละมาด และท่าสองยาง จังหวัดตาก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 จำนวน 310 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วยเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว เพื่อทดสอบค่า F-test ในหารทดสอบ เพื่อวัดค่าความแตกต่าง และทำการทดสอบเป็นรายคู่โดยใช้วิธีการของเชฟเฟ่ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ผลการวิจัยพบว่า 1. พฤติกรรมการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารตามการรับรู้ของครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขพพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 อยู่ในระดับมากที่สุดในหลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบและหลักความคุ้มค่า 2. ครูที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานน้อยกว่า 5 ปี 5- 10 ปี และ 10 ปีขึ้นไป มีการรับรู้พฤติกรรมการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ไม่แตกต่างกัน Availability: No items available : Add to cart (remove)
	3.	by อังคณา สุขผล. Call number: 379.158 อ488ก Material type: Text; Format: print ; Literary form: Not fiction Publisher: ราชบุรี : มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง, Dissertation note: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาและเปรียบเทียบการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียนเอกชนจังหวัดราชบุรี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารและครูที่ได้มาจากการเปิดตารางกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างของเครจซี่และมอร์แกน จำนวนทั้งสิ้น 347 คน จำแนกเป็นผู้บริหาร 34 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง และครูผู้สอน 313 คน ได้มาโดยการใช้วิธีการสุ่มแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบสอบถามปลายเปิด สถิติที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียนเอกชนจังหวัดราชบุรี พบว่า โดยภาพรวมแล้วและรายด้ายอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยด้านการจัดให้มีการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษามีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาเป็นด้านการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา และด้านการจัดให้มีการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษามีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด 2. ผลการดำเนินงานประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาของโรงเรียนเอกชนจังหวัดราชบุรีตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน แต่เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านจัดให้มีการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 Availability: No items available : Add to cart (remove)
	4.	การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียนในอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี/ สุพล แย้มเกษร by สุพล แย้มเกษร. Call number: 371.201 ส829ก Material type: Text; Format: print ; Literary form: Not fiction Publisher: ราชบุรี : มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง, Dissertation note: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการใช้ธรรมาภิบาลในการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียนและเพื่อเปรียบเทียบการบริหารโรงเรียนตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารโรงเรียนอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ครูผู้สอนในโรงเรียนประถมศึกษาในอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี จำนวน 43 โรงเรียน ในปีการศึกษา 2554 จำนวน 181คน เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประเมินค่า สถิติที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและเปรียบเทียบการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารใช้การทดสอบค่า t (t-test) ผลการวิจัยพบว่า ระดับการใช้หลักธรรมาภิบาล ในการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียนในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้านโดยหลักนิติธรรมอยู่ในลำดับแรก รองลงมา คือ หลักความรับผิดชอบ หลักความคุ้มค่า หลักคุรธรรม และหลักความมีส่วนร่วม ส่วนหลักความโปร่งใสอยู่ในลำดับสุดท้ายและการเปรียบเทียบการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานของผู้บริหารโรงเรียนจำแนกตามเพศ พบว่า ในภาพรวมไม่แตกต่างกัน และเมื่อพิจารณาเป็นรายหลัก พบว่า หลักความคุ้มค่า มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 Availability: No items available : Add to cart (remove)

ARIT Muban Chombueng Rajabhat University